ประโยชน์ของกล้วย
เราคงจะไม่ปฏิเสธว่า “กล้วย”
เกี่ยวข้องและเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทยนับตั้งแต่เกิดจนกระทั่ง
สิ้นอายุขัย…
ในสมัยโบราณ
เมื่อสตรีจะคลอดบุตรมักจะมีการจัดเครื่องบูชาสำหรับหมอตำแยเพื่อทำพิธีกรรมที่เป็น
มงคลแก่แม่ และลูกที่จะคลอดออกมา เครื่องบูชามักจะประกอบด้วย ขันข้าว
ซึ่งบรรจุด้วยข้าวสาร เงิน และสิ่งของต่าง ๆ ได้แก่ หมาก พลู ธูป เทียน
และในจำนวนนี้จะต้องมีกล้วยอยู่เสมอ
เมื่อทารกอายุได้ประมาณ 3
เดือน และพร้อมที่จะรับประทานอาหารอื่นนอกจากนมแม่ได้แล้ว
แม่จะเริ่มให้ลูกรับประทานกล้วยควบคู่กับนม
เพราะเห็นว่ากล้วยเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง และเป็นอาหารที่ย่อยง่าย
เมื่อลูกโตขึ้น
แม่ก็จะพยายามประดิษฐ์ของเล่นให้ลูก ของเล่นเหล่านั้นส่วนหนึ่งก็มาจากกล้วย
เป็นต้นว่า
• นำก้านกล้วยมาทำเป็นปืนเด็กเล่น
• นำก้านกล้วยมาทำเป็นม้าสำหรับขี่
• นำใบตองมาม้วนทำเป็นปี่สำหรับเป่า
• นำหยวกกล้วยมาทำเป็นทุ่น
หรือแพ สำหรับหัดว่ายน้ำ
ในงานบวช และงานมงคลต่าง ๆ กล้วย
มักจะถุนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของงานในลักษณะต่าง ๆ เสมอ เช่น
• ใบตองกล้วย
ถูกนำมาใช้ประดิษฐ์เป็นบายศรีเป็นส่วนประกอบ ของพวงมาลัย
• ก้านกล้วย
และใบตอง นำมาใช้เป็นกระทง
• กล้วยทั้งเครือ
นำมาประดับบ้าน เวลามีงานมงคล
เมื่อถึงคราวที่หนุ่ม
สาวจะเข้าสู่พิธีแต่งงานกล้วยจะเป็นพืชชนิดหนึ่ง ที่มักจะนำมาใช้
เป็นส่วนประกอบของงานเสมอ เช่น
• ใช้ต้นกล้วยเป็นส่วนประกอบในขบวนแห่ขันหมาก
• ใช้ผลกล้วย
ใบกล้วย ก้าน และหยวกกล้วย เป็นส่วนประกอบในการประกอบพิธีการต่าง ๆ
ในการปลูกสร้างบ้านเรือนกล้วยจะเป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำพิธียกเสาเอกลงหลุมโดยเขามัก
จะใช้หน่อกล้วยและต้นอ้อยผูกไว้ที่ปลายเสาเอกและเมื่อทำพิธียกเสาลงหลุมเสร็จก็จะปลดเอาหน่อกล้วย
และต้นอ้อย ไปปลูกไว้ในบริเวณใกล้บ้าน พยายามประคับประคองให้เจริญงอกงามเพราะถือว่าเป็น
เครื่องเสี่ยงทายความอุดมสมบูรณ์ของเจ้าของบ้าน จวบจนกระทั่ถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
มนุาย์เราก็ยังเกกี่ยวข้องกับกล้วยอย่างมิเสื่อมคลาย ในสมัยก่อน
เขามักใช้ใบตองมารองศพ ใช้ต้นกล้วยมาสลักหยวก(แทงหยวก) ประดิษฐ์ในเมรุ หรือโลงศพ
ใช้ต้นกล้วย ใบตอง ทำฐานเสียบดอกไม้ประดับในงานศพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น