จาวตาล
เกิดจากผลแก่จัดของต้นตาลตัวเมีย
เมื่อผลหล่นลงมาชาวบ้านจะเก็บรวบรวมกองไว้
ต่อมาเมล็ดตาล(จากผลตาล)จะแทงส่วนที่คล้ายรากงอกออกมาลงสู่พื้นดิน เรียกว่า “งอกตาล” ส่วนปลายของงอกตาลมีคัพภะที่จะกลายเป็นต้นอ่อนของต้นตาลซึ่งจะเจริญเติบโตขึ้นและค่อยๆแทงยอดขึ้นมาตาม"งอกตาล"จนโผล่พ้นดินขึ้นมาและเจริญเติบโตเป็นต้นตาลต่อไป
อนึ่ง "งอกตาล" นั้นไม่ใช่ราก
มันทำหน้าที่ส่งคัพภะลงไปในดินและต่อมาทำหน้าที่เป็นปลอกหุ้มยอดอ่อน
แล้วก็เปื่อยสลายไปภายในเวลาไม่นานนัก
ส่วนรากที่แท้จริงจะออกจากฐานต้นอ่อนที่เจริญมาจากส่วนปลายของ"งอกตาล"อีกต่อหนึ่ง
ต้นอ่อนของตาลมีลักษณะและขนาดพอๆ กับ หอมแดงขนาดเขื่อง
รากก็ออกมาแบบเดียวกับรากหัวหอม
ต้นอ่อนของตาลเกิดอยู่ลึกลงไปในดินหลายสิบเซนติเมตร จึงมักไม่มีใครเห็น
กล่าวได้ว่าการงอกของเมล็ดตาลนั้นพิสดารทีเดียว
จาวตาลนิยมนำไปเชื่อมรับประทานเป็นของหวาน
ในการนี้ จะต้องใช้ความชำนาญผ่าเอาเปลือกแข็งชั้นนอก
ซึ่งเปรียบเสมือนกะลามะพร้าวออกก่อน จากนั้นจะต้องผ่าเอาเปลือกชั้นรอง
คือส่วนที่เป็นน้ำเพื่อขัดผิวนอกด้วยใบไผ่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ใบซอ
เพื่อให้เมือกหรือไคลหมดไปจนขาวสะอาด เมื่อสะเด็ดน้ำแล้ว
นำลงกระทะทองเหลืองเชื่อมกับน้ำตาลทราย ต่อไปก็จะได้ “จาวตาลเชื่อม” หรือนิยมเรียกกันว่า
“ลูกตาลเชื่อม”
การเชื่อมจาวตาลนิยมทำเป็น
2 แบบคือ เชื่อมเปียก จาวตาลจะฉ่ำน้ำตาล
หรือเชื่อมแห้ง จาวตาลจะมีเกร็ดน้ำตาลจับแข็ง
ซึ่งสะดวกต่อการบรรจุในภาชนะและเก็บได้นาน
ถ้านำจาวตาลเชื่อมไปรับประทานพร้อมกับข้าวเหนียวมูนน้ำกะทิ
เติมงาคั่วผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น และมะพร้าวใย จะได้ขนมอร่อยอีกอย่างหนึ่ง
เรียกว่า ข้าวเหนียวโตนด หรือข้าวเหนียวหน้าโตนด หรือข้าวเหนียวลูกตาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น